การได้ทำอะไรด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็นเพียงการเริ่มต้นชีวิตเท่านั้น แต่ถ้าหากเราไม่เริ่มต้นทำอะไรด้วยตัวเอง เมื่อไหร่จะได้เริ่มต้นชีวิตผู้ใหญ่สักที
คนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ การศึกษาและประสบการณ์ไม่ได้จำกัดที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยอีกต่อไป การที่มีอิสระทางความคิด การพูด ทำให้มีทั้งข้อคิดเห็นที่แตกต่างออกไป โดยเข้าใจและยอมรับความแตกต่างนั้น เฉกเช่นมหาวิทยาลัยที่เรียนจบมา การเปรียบเทียบและวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ดีในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ แต่หากจะทดสอบความพร้อมของผู้ที่จบการศึกษามาแล้วนั้น คนข้างนอกนั่นแหละที่จะบอกว่า ตรงตามความต้องการหรือไม่ หากเรามองย้อนกลับไปในอดีต โอกาสในการไปหาประสบการณ์ต่างประเทศนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ปัจจุบันไม่ใช่ โอกาสมีอยู่ทั่วไป อยู่ที่ว่าเราจะวิ่งไปหาโอกาสนั้น หรือ รอให้โอกาสนั้นมาหา อยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น มีคำถามมากมายว่า ไปฝึกงานต่างประเทศดีไหม เราไปได้จริงๆ หรอ และไปแล้วกลัวทำไม่ได้ สิ่งแรกที่เราต้องตอบตัวเองในคำถามเหล่านี้ คือ เราพร้อมหรือยัง? ถ้าเราคิดว่าเราพร้อมแล้ว เหตุผลอื่น ๆ เป็นเหตุผลรองทั้งสิ้น เพราะถ้าใจเราพร้อมซะอย่าง อะไรที่ขวางเราไม่ได้ ทุกอย่างสามารถพัฒนาและมีทางออกเสมอ ลองคิดดู ถ้าเราเจอปัญหาอะไรก็ตาม เราบอกว่า เราไม่ไหว เราแก้ไม่ได้ หรือ ให้เพื่อนแก้ให้ดีกว่า หากเราคิดแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น? ใช่... เราจะไม่เดินต่อไป เราจะหยุดอยู่กับที่ และรอเวลา แล้วเวลาที่เราปล่อยผ่านไปแต่ละวัน โอเคใช่ไหม? ใช่... ถ้าโอเค และมีความสุขกับที่เราเป็นอยู่ แค่นี้ก็โอเคนะ เพราะการเรียนจบมาแล้วได้ทำงานที่ชอบและมีความสุขแล้วถือว่าดีทีเดียว แต่หากเรากำลังค้นหาตัวเองอยู่ว่าเราเหมาะกับอะไร คำถามคือ เราได้ลองอะไรมาบ้างแล้ว? การฝึกงาน ทำงานในประเทศ เราได้เรียนรู้วิธีการทำงาน วัฒนธรรมของแต่ละองค์กร แนวคิดในการทำงานนั้น ๆ และผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นการเรียนรู้ในการทำงานและปรับตัว ถามว่า แค่นี้เพียงพอไหม สำหรับสังคมโลกปัจจุบัน? เราก็มีสองทางเลือก หากเราทำงานเฉพาะกับคนไทยเท่านั้น ไม่ต้องการทำงานกับชาวต่างชาติ เราคิดว่าพอ? ถ้าเราทำงานกับต่างชาติในประเทศด้วย เราคิดว่าไม่พอ? คำว่า "พอ" หรือ "ไม่พอ" ไม่ได้วัดกันที่ต่างชาติ แต่วัดกันที่แนวคิดของเราเอง เพราะไม่ว่าการทำงานจะทำกับใครก็ตาม หากมีหลากหลายแนวคิด หลากหลายวัฒนธรรม ก็เหมือนรู้เข้า รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง แล้วทำไมเราจะไม่เรียนรู้เพิ่มเติม? คิดว่าเราพร้อมแล้วละ? เราอยากไปฝึกงาน ทำงานต่างประเทศแล้วไงต่อ? คำถามแบบนี้ เราต้องกลับไปถามตัวเองอีกรอบว่า
เราพร้อมแล้วจริงหรือเปล่า?
เพราะถ้าเราพร้อมจริง ๆ ข้อมูลเรามีพอสมควรแล้ว การไปฝึกงาน จริง ๆ เราไปฝึกได้ทั่วโลกเลยนะ อยู่ที่ว่าเราอยากไปฝึกงานที่ไหน? ตามสถิติทุกคนก็พอจะเดาได้ว่า ประเทศไหนที่ไปฝึกมากที่สุด? แน่นอน...ประเทศสหรัฐอเมริกา! เหตุผล หลากหลาย ในเมื่ออยากไป เราจะมีเหตุผลของตัวเองมาสนับสนุน แต่จากที่ประเมินส่วนใหญ่ ฝึกงาน หรือ ทำงานที่อเมริกาได้เงิน น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการเลือกประเทศ ถึงแม้บางสาขาฝึกงานไม่ได้เงิน แต่หลากคนบอกประสบการณ์สำคัญกว่า ข้อนี้สำคัญที่สุด! การฝึกงาน หรือ ทำงานในช่วงเวลา 12-18 เดือน เป็นช่วงที่เราเรียนรู้วัฒนธรรมการทำงาน แนวคิด การบริหารจัดการ เพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิตการทำงานของเรา ในสังคมปัจจุบันประสบการณ์สำคัญมากไม่น้อยไปกว่าทฤษฏีที่เรียนมา จึงไม่แปลกใจทำไมในต่างประเทศคนที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตไม่ได้จบ ป. โท หรือ ป. เอก แต่มีทีมงานระดับ ป. โท และ ป. เอก เพราะสิ่งที่เค้ามีคือประสบการณ์
การเริ่มต้นหาข้อมูล ไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับทักษะของแต่ละคน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราเองมากกว่า ไม่เชื่อ ลองทดสอบดู! เราเคยสมัครงานในอเมริกาไหม? เปลี่ยนคำถามใหม่... เราเคยเข้าเว็บไซต์แล้วเจองานที่เปิดรับสมัครในอเมริกาไหม? งานที่เปิดรับในอเมริกาเยอะมาก... แต่สังเกตไหม ทำไมมีเยอะขนาดนี้ แล้วยังมีคนตกงาน? คนอเมริกันส่วนใหญ่จะเลือกทำงานที่สบาย เน้นการทำงานในออฟฟิต ไม่ค่อยชอบงานบริการ เราจะสังเกตงานเปิดรับสมัครเยอะ จะเป็นงานบริการเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเราเรียนจบสาขาอะไรมา? ถ้าเรียนสาขาบัญชี บริหาร นักกฏหมาย คู่แข่งในการสมัครงานคือ คนอเมริกันส่วนใหญ่ แต่ถ้าเราเรียนสาขา การโรงแรม, คหกรรม, เกษตรกรรม คู่แข่งของเรา คือ ประเทศต่าง ๆ ที่อยากไปฝึกงานในอเมริกา สังเกตว่านี้คือสนามแข่งขันระดับโลก ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ เราจะแกร่งขึ้นในทุกเวทีที่เราอยู่
แล้ววีซ่าละ? ไปทำงานด้วยวีซ่าท่องเที่ยวหรอ? ผิดกฏหมายแน่นอน! การฝึกงาน Internship สามารถเข้าร่วมได้โดยวีซ่า J-1 สามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฏหมาย เราไปไหน ทำอะไร คิดเสมอว่า อยู่อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและสบายใจที่สุด แล้วทำเองได้ไหม? ได้ แต่ต้องมี US Sponsor รับรอง... จริง ๆ โครงการฝึกงานต่างประเทศนั้น เป็นโครงการของรัฐบาลอเมริกาอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ US Sponsor จะมี Partner ในแต่ละประเทศ เพื่อให้บริการ เหมือนโครงการ Summer Work/Travel สำหรับประเทศไทยโครงการฝึกงานมีเอเจนที่ทำค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จำกัดบางสาขามีประมาณ 8 เอเจน และที่ไม่จำกัดสาขามีเพียง 2 เอเจนเท่านั้น ทำไมมีน้อย ยากใช่ไหม? จะตอบว่าใช่ก็ใช่ จะตอบว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ส่วนสำคัญอยู่ที่การทำงานให้ตรงสาขา นั่นคือ การหางานให้ได้นั่นเอง ส่วนที่เหลือหลังจากได้งาน เป็นส่วนที่เอเจนต้องมีความรู้ในการทำ training plan ร่วมกับนายจ้างในสาขานั้น ๆ จึงควรมีความรู้ความเข้าใจในสาขาวิชานั้น ๆ ด้วยนั่นเอง
บอกแล้วว่า สิ่งที่สำคัญ คือ เราพร้อมไหม? ถ้าเราพร้อมสิ่งอื่น เป็นเรื่องรอง ทุกอย่างสามารถพัฒนาและค้นคว้าได้ โอกาสอยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น เราลองจำช่วงเวลาที่เราเตรียมตัวและปัจจุบันนี้เขียนจดหมายถึงตัวเองในอีก 1 ปีข้างหน้า แล้วมาอ่านเทียบกับเมื่อเรากลับมาจากฝึกงานต่างประเทศ แนวคิดเราเปลี่ยนไปจากตอนนี้จริงไหม?
อย่ากลัวในสิ่งที่เราไม่เคยทำ จงกลัวในสิ่งที่เราจะไม่ทำ
Comments